น้ำตาไหล เกิดจากอาการน้อยใจ แต่น้ำมูกไหล มันเกิดจากอะไรกันนะ …แหนะ แหนะ อย่าหลงประเด็น ทางการแพทย์เขาเรียก “ไวรัสหวัด” ค่ะ
คุณ“หวัด” ใครๆก็คุ้นเคย บางคนหายง่าย บางคนหายยาก ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? มาทำความเข้าใจมันดีกว่า…
อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ เจ็บคอ หรือที่เรียกกันอย่างง่ายๆว่า “ไข้หวัด” เชื่อว่าทุกคนคงเคยเป็นกันมาแล้ว และส่วนใหญ่มักจะเป็นง่าย หายเร็ว แต่ก็มีบางครั้งที่กว่าจะหายใช้เวลานาน ส่งผลรบกวนต่อคุณภาพชีวิต ที่อาจทำให้ต้องขาดเรียนหรือหยุดงาน เราอาจเรียกอาการเช่นนี้ว่า “หวัดเรื้อรัง”
โดยทั่วไป “ไข้หวัด” เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในโพรงจมูกและไซนัส ซึ่งสามารถหายได้เองในเวลาประมาณ 5 – 10 วัน แต่ถ้ามีอาการนานกว่าเรียกว่า “หวัดเรื้อรัง” เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมในโพรงจมูกและไซนัส ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการนานกว่า 10 วันหรืออาการแย่ลงหลังจากเริ่มมีอาการคัดจมูกได้ 5 วัน
หวัดเรื้อรัง มักจะมีอาการที่เกี่ยวข้องกับจมูกและไซนัส ได้แก่
- – น้ำมูกข้น
- – คัดจมูก
- – ความสามารถในการรับกลิ่นลดลง
- – ปวดตึงใบหน้า
นอกจากนี้ อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ ไอ อ่อนเพลีย มีเสมหะอยู่ในคอตลอดเวลาและ ถ้ามีอาการมานานและไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้มีริดสีดวงจมูกเกิดขึ้นได้ ในบางรายที่มีการติดเชื้อรุนแรง อาจทำให้มีการติดเชื้อลุกลามเข้าลูกตาหรือสมองได้
อาการไข้หวัดส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสจะสามารถหายเองได้เอง ซึ่งถ้าเป็นนานเกินประมาณ 5 -10 วัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาเหมาะสม
เห็นมั้ยคะว่า…แค่“เรื่องหวัด”เป็นหวัดน้ำมูกไหลไม่หายสักที…นำมาอีกหลายโรคที่เกี่ยวข้องกัน อาทิ หวัดเรื้องรัง , ภูมิแพ้ , ไซนัส , เนื้องอกในโพรงจมูก อาจนำไปสู่มะเร็งโพรงจมูก
เพราะฉะนั้นอย่านิ่งนอนใจห่างไกลจากหวัดเรื้องรังง่ายๆ ด้วยการใส่ใจสุขภาพ “ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิต้านทานโรคที่ดี ไม่ติดเชื้อโดยง่าย” แค่นี้ก็ห่างไกลโรคแล้วค่ะ