กรอบพระเลี่ยมทองขายได้ไหม ?

กรอบพระเลี่ยมทองขายได้ไหม ? คำถามยอดฮิตที่เจอกันบ่อยๆ บางคนมองว่า กรอบพระขายไม่ได้หรอก บางคนก็บอกว่าขายได้แต่ได้น้อยไม่คุ้มหรอก แต่บางคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่ายังไงก็ขายได้แน่นอน สำหรับวันนี้แอดมินนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับเรื่อง กรอบพระเลี่ยมทอง มาฝากกันค่ะ

ก่อนอื่นเรามารู้จักการเลี่ยมกรอบพระกันก่อนนะคะ การเลี่ยมกรอบพระที่เป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้นั้น มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ การเลี่ยมแบบจับขอบ และการเลี่ยมแบบหลังปิด นั่นเองค่ะ

การเลี่ยม “แบบจับขอบ” ก็คือการเลี่ยมที่เปิดให้เห็นทั้งด้านหน้า และทางด้านหลังของพระ ทั้งแบบที่มีพลาสติกใสอยู่ทั้งหน้าและหลัง หรือเปิดโล่งเลยก็ตาม ที่มาของการเรียกว่า “จับขอบ” นั้น เนื่องจากเมื่อเราพิจารณาดูดี ๆ ก็จะเหมือน การทำกรอบพระเฉพาะขอบโดยรอบ หรือ “จับ” เฉพาะ “ขอบ” นั่นเองค่ะ และส่วนใหญ่คนจะนิยมทำกรอบพระแบบจับขอบ เนื่องจากข้อดีก็คือเราสามารถมองเห็นองค์พระได้ทั้งด้านหน้า และด้านหลังนั่นเองค่ะ

ส่วนการเลี่ยม “แบบหลังปิด” นั้น ชื่อก็บอกตรงตัวเลยค่ะว่า ปิดข้างหลังด้วย บางที่จะเรียกกลับคำกันว่า “ปิดหลัง” แบบนั้นก็ได้เช่นกันนะคะ ความหมายเดียวกันจ้า ในทางเทคนิคก็คือ จากที่แผ่นเงินหรือแผ่นทองที่ปิดด้านหลังจะเป็นเพียงแค่ขอบเล็ก ๆ ก็กลับกลายเป็นแผ่นเงินแผ่นทองทึบ ปิดด้านหลังองค์พระทั้งหมดไว้ค่ะ การเลี่ยมแบบปิดหลังนี้เหมาะสำหรับพระเครื่องที่มีด้านหลังองค์พระเรียบ แบนราบ เป็นการโชว์เทคนิคของช่างแกะลายอีกรูปแบบหนึ่ง และสำหรับการเลี่ยมทอง เมื่อสั่งเลี่ยมหลังปิดก็จะมีราคาที่สูงขึ้นกว่าการเลี่ยมแบบจับขอบเนื่องจากใช้เนื้อทองที่มากกว่า แต่ก็จะดูโดดเด่นไปอีกแบบค่ะ

การเลี่ยมกรอบพระด้วยทอง หรือที่เราเรียกกันว่า กรอบพระเลี่ยมทอง นั้น หลัก ๆ ตามท้องตลาดบ้านเราก็จะมี อยู่ 2 แบบด้วยกันก็คือ 90% และ 80% ซึ่งก็จะแยกไปอีกว่าใช้เนื้อทอง90% , 80% เต็มไหม โดยส่วนมากทอง90% จะมีเนื้อทองจริงประมาณ 75%+ ส่วนทอง80% ก็จะมีเนื้อทองจริงประมาณ 65% หรือต่ำกว่า ซึ่งราคาและคุณภาพตัวงาน ข้อดีและข้อเสีย ของทั้ง 2 แบบนี้ก็จะแตกต่างกันไป แต่ถ้าอยากได้ งานที่ใช้ทอง90%เต็มจริง ๆ ส่วนมากจะต้องสั่งทำค่ะ ซึ่งเรทราคาก็จะสูงขึ้นหน่อย แต่คุณภาพก็จะสูงตามไปด้วยเช่นกัน ส่วนของเรื่องราคานั้น ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับแต่ละร้านด้วยค่ะ

กรอบพระทองคำ90% และ 80% ต่างกันอย่างไร กรอบพระทองคำ90% จะมีเนื้อทองจริงอยู่ที่ประมาณ 75%-80%+/- สามารถพบได้ตามร้านทองทั่วไปทั้งในห้างและนอกห้าง กรอบพระทองคำ90% นั้น น้ำหนัก ค่าแรง และราคาจะสูงกว่างานกรอบพระทองคำ80% ส่วนงานกรอบพระทองคำ80% จะมีเนื้อทองจริงอยู่ที่ประมาณ 55% – 70% (ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 65%) สามารถพบได้ทั่วไปตามร้านเลี่ยมพระ และร้านทองบางร้านเท่านั้น น้ำหนัก และราคาจะถูกกว่างานกรอบพระทองคำ90% ค่ะ

หากถามถึง กรอบพระเลี่ยมทองสำเร็จรูปราคาเท่าไหร่ เลี่ยมพระกรอบทองหรือเลี่ยมทองกรอบพระราคาเท่าไหร่ กรอบพระเลี่ยมทอง 1 สลึง หรือ 2 สลึง หรือ 1 บาท ราคาเท่าไหร่นั้น จะไม่สามารถบอกรายละเอียดหรือราคาเป๊ะๆได้ เพราะองค์พระแต่ละแบบ วัสดุที่นำมาใช้เลี่ยมของแต่ละร้าน ต่างก็มีต้นทุนและวิธีการทำที่แตกต่างกันออกไป และมีอีกปัจจัยก็คือ บางร้านค่าช่างถูก บางร้านค่าช่างแพงแต่ละร้านแตกต่างกันไปอีกค่ะ ถ้าเราอยากทราบราคา แอดมินแนะนำให้ลองเข้าไปถามที่ร้าน หรือโทรสอบถามร้านที่เราสนใจก่อนจะดีกว่านะคะ จะได้ช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้นและชัวร์กว่าจ้า

และหากถามว่า พระเลี่ยมทองคำจำนำได้ไหม จำนำได้นะคะ แต่ราคาที่รับจำนำของแต่ละร้านก็จะแตกต่างกันออกไปเช่นกันกับการขายค่ะ ในบางร้านจะชั่งน้ำหนัก ดูตอกตราร้านและตอกเปอร์เซ็นทอง ถ้ากรอบพระองค์ใดตอกเปอร์เซ็นทองตอกตราร้านไว้ครบถ้วน ทางร้านรับจำนำก็จะให้ราคาจำนำตามน้ำหนักทองที่ตอกตราไว้เลยค่ะ เช่น ในกรอบพระตอกเลยเปอร์เซ็นทองไว้ 96.5% และลงน้ำหนักไว้ว่า 1 สลึง ณ ตอนนั้นร้านที่รับจำนำทอง 1 สลึงรับกี่บาทก็จะได้ราคาตามนั้นเลย เป็นต้นจ้า แต่ถ้าไม่ได้ตอกตราไว้ ทางร้านก็จะมีการดูอีกหลายๆวิธีแล้วแต่ของแต่ละร้านค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเมื่อได้อ่านสาระน่ารู้ที่แอดมินนำมาฝากกันแล้ว ทีนี้ตอบตัวเองกันได้เลยใช่มั้ยคะ ว่าแท้จริงแล้วกรอบพระเลี่ยมทองสามารถขายได้นั่นเอง และราคาของกรอบพระที่เราขายนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเลย เช่น เปอร์เซ็นทอง ราคารับซื้อทองคำ ณ วันนั้นๆ น้ำหนักทอง ค่าแรงของช่างแต่ละร้าน เป็นต้น ถ้าเราอยากทราบราคาที่ชัวร์ที่จะช่วยในการตัดสินใจขายได้ อย่างที่แอดมินได้แนะนำไปเลยค่ะ สอบถามร้านที่เราสนใจหรือร้านทองใกล้บ้านได้แล้วแต่ความสะดวกได้เลย เพราะขายที่ไหนราคาก็ไม่ต่างกันมากจ้า