ตู้ผ้าใบเปิดข้าง เป็นตู้บรรทุกสินค้ารูปแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในอุตสาหกรรมขนส่งสินค้า เนื่องจากมีน้ำหนักเบา บรรทุกของได้เยอะ ใช้งานสะดวก อีกทั้งยังราคาย่อมเยา จับต้องได้สำหรับใครหลายคน
ทว่า แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ตู้ผ้าใบเปิดข้างก็มีหลายเกรด อีกทั้งมาพร้อมรายละเอียดการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้แตกต่างกันออกไป วันนี้เราเลยเตรียม 5 เทคนิคเลือกซื้อตู้ผ้าใบเปิดข้างมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่าน รับรองว่าอ่านจบแล้วเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ และตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดแน่นอน !
1. เลือกขนาดตู้ให้เหมาะสมกับปริมาณสินค้า
ขนาดของตู้ถือเป็นเกณฑ์ข้อแรกของการเลือกซื้อตู้ผ้าใบเปิดข้างเลยก็ว่าได้ โดยส่วนมากมักจะมีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่เล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าที่ต้องการบรรทุก โดยทั่วไปแล้ว มีขนาดความกว้างอยู่ที่ 2.5 เมตร ความยาวตั้งแต่ 5 เมตรขึ้นไป และสูงไม่เกิน 2.5 เมตร ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อก็แนะนำให้ตรวจสอบจำนวนสินค้าที่ต้องการบรรทุก เพื่อที่จะเลือกขนาดได้เหมาะสมตอบโจทย์การใช้งาน
2. เลือกวัสดุให้เหมาะกับการใช้งาน
โดยทั่วไป ตู้ผ้าใบเปิดข้างมักทำขึ้นจากวัสดุหลายชนิด เช่น เหล็ก สแตนเลส และอลูมิเนียม ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป อีกทั้งราคาก็ยังแตกต่างกันด้วย
- เหล็ก เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน แต่มีน้ำหนักมาก
- สแตนเลส เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานเช่นเดียวกับเหล็ก แต่มีน้ำหนักเบากว่า
- อลูมิเนียม เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานน้อยกว่าเหล็กและสแตนเลส แต่มีน้ำหนักเบาที่สุด
ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อ แนะนำให้ตรวจสอบก่อนว่าต้องการนำมาใช้บรรทุกสินค้าใด ก็จะช่วยให้บรรทุกสินค้าได้ปลอดภัยมากขึ้นด้วย
3. ผ้าใบต้องทนทานต่อสภาพอากาศ
ผ้าใบที่ใช้ทำตู้ผ้าใบเปิดข้างมีหลายชนิด เช่น ผ้าใบโพลีเอสเตอร์ ผ้าใบพีวีซี และผ้าใบไนลอน โดยแต่ละชนิดก็มีจุดเด่นต่างกัน ดังนี้
- ผ้าใบโพลีเอสเตอร์ เป็นผ้าใบราคาไม่แพง ทนทานต่อแสงแดดและฝน แต่อาจขาดง่ายหากโดนของมีคม
- ผ้าใบพีวีซี เป็นผ้าใบที่ทนทานต่อแสงแดด ฝน และรอยขีดข่วน แต่มีราคาแพงกว่าผ้าใบโพลีเอสเตอร์
- ผ้าใบไนลอน เป็นผ้าใบที่แข็งแรงทนทานมากที่สุด แต่มีราคาแพงที่สุด
ทั้งนี้ก็อาจพิจารณาการใช้งานควบคู่ไปกับงบประมาณที่มีอยู่ ก็จะช่วยให้เลือกได้เหมาะสมกับการใช้งานได้มากขึ้น
4. เลือกอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น
ตู้ผ้าใบเปิดข้างบางรุ่นมีอุปกรณ์เสริมให้ เช่น ประตูท้าย ประตูด้านข้าง และบันไดขึ้นลง อุปกรณ์เสริมเหล่านี้จะช่วยให้ใช้งานตู้ได้สะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี อุปกรณ์เสริมก็อาจมาพร้อมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมา ดังนั้น แนะนำให้พิจารณาดูก่อนว่าอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ จำเป็นมากแค่ไหน และเลือกเฉพาะที่ได้ใช้งานจริง ก็จะช่วยให้ได้ตู้ผ้าใบเปิดข้างในราคาย่อมเยาได้
5. เลือกตามงบประมาณที่มี
นอกจากเหตุผลข้างต้นทั้งสี่ข้อ ราคาก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น แนะนำให้กำหนดงบประมาณในใจให้ชัดเจน จากนั้นเปรียบเทียบราคารถหลาย ๆ รุ่น หลาย ๆ ยี่ห้อ ก็จะช่วยให้เลือกเจ้าที่ถูกและตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด
การเลือกซื้อตู้ผ้าใบเปิดข้าง จำเป็นต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาด วัสดุ ชนิดผ้าใบ อุปกรณ์เสริม รวมไปถึงราคา อย่างไรก็ดี นอกจากปัจจัยเหล่านี้ ก่อนเลือกซื้อ แนะนำให้ตรวจสอบสินค้ากับบริษัทที่เชื่อถือได้และอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงก่อน ก็จะช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น