มาเป็นเพื่อนกันกับอีสานเดฟ
เรารับทำและออกแบบเว็บไซต์ สำหรับธุรกิจทุกประเภท ปรึกษาฟรี !
5 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ความปลอดภัยของข้อมูลลดลง
บทความนี้จะพาคุณมารู้จัก 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ความปลอดภัยของข้อมูลลดลง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของภัยไซเบอร์ในยุคดิจิทัล
ความปลอดภัยของข้อมูล เป็นเรื่องที่หลายคนมักมองข้าม ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลคือทรัพย์สินสำคัญที่สุดของทั้งบุคคลและองค์กร ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลทางธุรกิจ ล้วนมีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือถูกโจมตีจากภัยไซเบอร์ หากผู้ใช้งานขาดความระมัดระวังในพฤติกรรมบางอย่างที่อาจดูเล็กน้อยแต่ส่งผลใหญ่
บทความนี้จะพาคุณมารู้จัก 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ความปลอดภัยของข้อมูลลดลง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของภัยไซเบอร์ในยุคดิจิทัล

1.ใช้รหัสผ่านง่ายหรือซ้ำกันหลายบัญชี
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูกแฮกคือการตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย เช่น “123456” “password” หรือ “วันเดือนปีเกิด” นอกจากนี้หลายคนยังใช้รหัสเดียวกันกับทุกบัญชี เช่น อีเมล โซเชียลมีเดีย และระบบงานบริษัท ทำให้เมื่อบัญชีหนึ่งถูกเจาะ ข้อมูลทั้งหมดก็เสี่ยงถูกเข้าถึงทันที คำแนะนำคือควรตั้งรหัสผ่านที่มีทั้งตัวอักษรพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกัน รวมถึงเปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลอีกชั้นหนึ่ง
2.กดลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
อีเมลหรือข้อความที่แนบลิงก์หรือไฟล์จากผู้ส่งที่ไม่รู้จักอาจเป็นช่องทางหลักของการโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) ซึ่งมักหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์โดยไม่รู้ตัว พฤติกรรมนี้พบได้บ่อยทั้งในระดับบุคคลและองค์กร โดยเฉพาะช่วงที่มีข่าวสารหรือโปรโมชันที่ชวนให้คลิก ควรตรวจสอบที่อยู่อีเมลผู้ส่งอย่างละเอียด และหลีกเลี่ยงการกดลิงก์ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นของจริง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อความปลอดภัยของข้อมูลในอุปกรณ์และเครือข่ายทั้งหมด
3.ใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยไม่ป้องกัน
หลายคนมักใช้ Wi-Fi ฟรีตามคาเฟ่ สนามบิน หรือศูนย์การค้าโดยไม่รู้ว่าเครือข่ายเหล่านี้อาจถูกดักจับข้อมูลได้ง่าย แฮกเกอร์สามารถใช้เทคนิค Man-in-the-Middle เพื่อขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบหรือหมายเลขบัตรเครดิตได้ในไม่กี่วินาที ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงินหรือเข้าสู่ระบบสำคัญขณะเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ และหากจำเป็น ควรใช้ VPN เพื่อเข้ารหัสข้อมูลก่อนส่งผ่านเครือข่าย
4.ไม่อัปเดตระบบและซอฟต์แวร์อยู่เสมอ
การละเลยไม่อัปเดตระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมเสี่ยง เพราะช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัยมักเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ การอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดจะช่วยอุดช่องโหว่และปรับปรุงระบบความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ต้องอัปเดตฐานข้อมูลมัลแวร์อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถตรวจจับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ๆ ได้ทันท่วงที
5.แชร์ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไปบนโซเชียลมีเดีย
การโพสต์ข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ วันเกิด หรือสถานที่ทำงาน อาจกลายเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การปลอมแปลงตัวตนหรือขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ยิ่งในยุคที่โซเชียลมีเดียถูกใช้เชื่อมโยงกับหลายบัญชีออนไลน์ การเปิดเผยข้อมูลมากเกินไปยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ ควรตั้งค่าความเป็นส่วนตัว (Privacy Settings) ให้เข้มงวด และหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลที่ไม่จำเป็น
ความปลอดภัยของข้อมูล ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “พฤติกรรมของผู้ใช้” เป็นหลัก การระมัดระวังในการตั้งรหัสผ่าน ไม่คลิกลิงก์แปลก ๆ หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ อัปเดตระบบสม่ำเสมอ และรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ ล้วนเป็นสิ่งง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้ หากเริ่มปรับพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ คุณก็จะสามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสำคัญขององค์กรให้ปลอดภัยจากภัยไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นทุกวันได้อย่างมั่นใจ
