มาเป็นเพื่อนกันกับอีสานเดฟ
เรารับทำและออกแบบเว็บไซต์ สำหรับธุรกิจทุกประเภท ปรึกษาฟรี !
How-to สั่งของเข้าร้านให้ได้คุณภาพ ราคาคุ้ม สร้างกำไรระยะยาว
สำหรับเจ้าของร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านของชำ ร้านกาแฟ หรือร้านค้าแฟชั่น สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในระยะยาวไม่ใช่แค่การขายเก่ง แต่คือการ สั่งของเข้าร้าน อย่างมีกลยุทธ์
สำหรับเจ้าของร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านของชำ ร้านกาแฟ หรือร้านค้าแฟชั่น สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในระยะยาวไม่ใช่แค่การขายเก่ง แต่คือการ สั่งของเข้าร้าน อย่างมีกลยุทธ์ เพราะการสั่งของที่ดีหมายถึงได้ของคุณภาพ ราคาดี และมีสต๊อกพอดี ไม่ขาดไม่ล้น วันนี้เราจะพาไปดูวิธีสั่งของเข้าร้านอย่างมืออาชีพที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรในเวลาเดียวกัน

1. วางแผนก่อนสั่งของเข้าร้านเสมอ
เริ่มต้นจากการวิเคราะห์ยอดขายและหมุนเวียนของสินค้าในร้านก่อนทุกครั้ง ว่าสินค้าประเภทไหนขายดี ขายช้า หรือควรเลิกขาย เพราะจะช่วยให้คุณสั่งของได้อย่างแม่นยำและไม่ต้องจมทุนกับสต็อกที่ขายไม่ออก
- สินค้าขายดี ควรสั่งล่วงหน้าและในปริมาณมากขึ้นเพื่อรับส่วนลดจากซัปพลายเออร์
- สินค้าขายช้า ควรลดจำนวนการสั่ง หรือลองจัดโปรโมชั่นเพื่อระบายของเก่า
การมีข้อมูลยอดขายย้อนหลัง 1–3 เดือน จะช่วยให้วางแผนสั่งของได้แม่นยำและลดความเสี่ยงจากการสต๊อกเกินความจำเป็น
2. เปรียบเทียบแหล่งซัปพลายเออร์ก่อนตัดสินใจ
อย่าสั่งจากเจ้าแรกที่เจอเสมอ เพราะราคาสินค้าและบริการหลังการขายแตกต่างกันไปในแต่ละผู้จำหน่าย ลองเปรียบเทียบซัปพลายเออร์อย่างน้อย 3 เจ้า โดยดูจากปัจจัยต่อไปนี้
- ราคาและส่วนลด บางเจ้ามีราคาถูกกว่าแต่ไม่มีส่วนลดตามจำนวน บางเจ้าราคาแพงกว่าแต่มีของแถมหรือเครดิตเทอม
- คุณภาพสินค้า หากเป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องบริโภคหรือใช้งานโดยตรง เช่น อาหาร เครื่องดื่ม หรือเสื้อผ้า คุณภาพต้องมาก่อน
- การจัดส่ง ผู้ค้าส่งที่มีระบบขนส่งตรงเวลา จะช่วยให้ร้านของคุณไม่ขาดของขาย
นอกจากนี้ ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัปพลายเออร์ เพราะการเป็นลูกค้าประจำที่ไว้ใจกันจะทำให้ต่อรองราคาได้ง่ายขึ้นในอนาคต
3. กำหนดรอบการสั่งของให้ชัดเจน
การสั่งของเข้าร้านแบบไม่มีระบบอาจทำให้ของขาดช่วงเวลาสำคัญ หรือของล้นจนเก็บไม่พอ ควรกำหนดรอบการสั่งของให้เหมาะกับลักษณะธุรกิจ เช่น
- ร้านอาหาร สั่งของสดทุก 2–3 วัน
- ร้านสะดวกซื้อหรือร้านของชำ สั่งของเข้าร้านทุกสัปดาห์
- ร้านแฟชั่น สั่งของทุกเดือน หรือทุกคอลเลกชัน
หากใช้ระบบ POS หรือโปรแกรมจัดการสต๊อก จะช่วยเตือนเมื่อของใกล้หมด ทำให้คุณวางแผนสั่งของได้แม่นยำขึ้นอีกขั้น
4. คำนวณต้นทุนต่อหน่วยและกำไรล่วงหน้า
ก่อนกดสั่งของเข้าร้าน ควรคำนวณราคาทุนต่อหน่วย รวมถึงค่าขนส่งและภาษี เพื่อให้รู้ว่าต้องตั้งราคาขายเท่าไรถึงจะได้กำไร เช่น หากต้นทุนรวมต่อหน่วยคือ 50 บาท และต้องการกำไรอย่างน้อย 30% ก็ควรตั้งราคาขายที่ 65 บาทขึ้นไป การคำนวณล่วงหน้าจะช่วยให้ร้านไม่ตั้งราคาผิดพลาด และป้องกันการขาดทุนโดยไม่รู้ตัว
5. ตรวจสอบของก่อนรับเข้าร้านทุกครั้ง
แม้จะเป็นซัปพลายเออร์เจ้าเดิม ก็ไม่ควรมองข้ามขั้นตอนตรวจสอบของก่อนเซ็นรับสินค้า เช่น ตรวจจำนวน ตรวจวันหมดอายุ และตรวจสภาพกล่องบรรจุ เพราะหากของมีปัญหาแล้วไม่แจ้งทันที อาจเคลมไม่ได้ การตรวจเช็กอย่างละเอียดจะช่วยลดความเสียหายและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านในระยะยาว
6. เก็บบันทึกข้อมูลการสั่งของไว้เสมอ
ทุกครั้งที่สั่งของเข้าร้าน ควรเก็บข้อมูลไว้ในสมุดบัญชีหรือระบบดิจิทัล เช่น Google Sheets หรือโปรแกรมจัดการร้านค้า เพื่อดูประวัติการสั่งของย้อนหลัง เช่น
- สั่งจากเจ้าไหน
- ราคาต่อหน่วยเท่าไร
- วันที่รับของ
- ปริมาณที่สั่ง
ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มากเมื่อถึงเวลาวางแผนสั่งของรอบใหม่ หรือเมื่อต้องตรวจสอบต้นทุนรวมประจำเดือน
7. สั่งของเข้าร้านให้ตรงกับฤดูกาลหรือเทร็นด์
การรู้เทร็นด์ตลาดคืออีกหนึ่งวิธีสั่งของให้ขายดี เช่น
- ช่วงหน้าร้อนควรเน้นสินค้าเครื่องดื่มเย็น เสื้อผ้าบางเบา
- ช่วงปีใหม่ควรสต๊อกของขวัญและของฝาก
- ถ้าเป็นร้านแฟชั่น ควรตามเทรนด์สีและสไตล์ในแต่ละฤดูกาล
การสั่งของให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลานั้น จะช่วยเพิ่มยอดขายและลดของค้างสต๊อกได้มาก
การสั่งของเข้าร้านไม่ใช่แค่การหาของมาขาย แต่คือกระบวนการบริหารธุรกิจที่ต้องใช้ข้อมูล การวางแผน และการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพในต้นทุนที่คุ้มค่า และสร้างกำไรให้ร้านเติบโตได้อย่างยั่งยืน
หากคุณเริ่มต้นวางระบบตั้งแต่วันนี้ ร้านของคุณจะสามารถบริหารสต๊อกได้อย่างมืออาชีพ และพร้อมรับทุกโอกาสทางการขายในอนาคต
