ส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นอย่างไร ธุรกิจไปรอด ไม่จมที่ด่านศุลกากร

ในวันที่ตลาดญี่ปุ่นยังเปิดรับสินค้าจากเมืองไทย ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ไปจนถึงของแฮนด์เมด สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการมักสะดุดตั้งแต่ก้าวแรก คือ จะ ส่งของจากไทยไปญี่ปุ่น อย่างไรให้ไม่เจ็บตัวกับต้นทุนและขั้นตอนที่ซับซ้อน

ในวันที่ตลาดญี่ปุ่นยังเปิดรับสินค้าจากเมืองไทย ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ไปจนถึงของแฮนด์เมด สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการมักสะดุดตั้งแต่ก้าวแรก คือ จะ ส่งของจากไทยไปญี่ปุ่น อย่างไรให้ไม่เจ็บตัวกับต้นทุนและขั้นตอนที่ซับซ้อน ? เพราะหลายคนเริ่มจากการขายออนไลน์แบบเล็ก ๆ แต่เจออุปสรรคการขนส่งจนเสียทั้งเวลาและเงินโดยไม่จำเป็น ถ้ากำลังวางแผนส่งของไปประเทศญี่ปุ่น นี่คือ 4 ประเด็นที่ควรรู้ให้ลึกก่อนขยับจริง

A person in an orange jumpsuit holding a clipboard

AI-generated content may be incorrect.

1.ญี่ปุ่น ไม่ใช่ตลาดเดียวกันทั้งประเทศ

การส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นไม่ได้จบแค่เลือกบริษัทขนส่งแล้วจบ เพราะญี่ปุ่นมีความต่างระหว่างภูมิภาคที่ชัดเจน ทั้งเรื่องต้นทุนการกระจายสินค้า เวลาในการเข้าถึง และข้อกำหนดในแต่ละจังหวัด ตัวอย่างเช่น

  • หากเป้าหมายอยู่ที่โตเกียว โอซาก้า หรือโยโกฮาม่า ระบบขนส่งมีทางเลือกเยอะ และใช้เวลาน้อยกว่าพื้นที่ชนบท
  • แต่ถ้าเป็นฮอกไกโดหรือโอกินาว่า ต้องเผื่อเวลาการจัดส่งเพิ่มอีก 2-5 วัน และต้นทุนก็สูงขึ้นตามไปด้วย

การกำหนดปลายทางตั้งแต่ต้นช่วยลดปัญหาในการเลือกรูปแบบขนส่ง และช่วยประเมินค่าขนส่งได้แม่นยำมากขึ้น

2.ศุลกากรญี่ปุ่นไม่ได้ยืดหยุ่นแบบที่คิด

ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องระบบระเบียบที่เป๊ะ แม้จะเป็นของชิ้นเล็ก ก็ใช่ว่าจะหลุดรอดไปได้หากเอกสารไม่ครบ เช่น

  • Invoice ต้องระบุประเภทสินค้าอย่างละเอียด ไม่ใช่แค่ของใช้ หรือของฝาก
  • HS Code ต้องแม่น เพราะผิดแค่หลักเดียว อาจโดนกักสินค้า
  • สินค้าอาหารหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ ต้องมีใบรับรองที่ตรงกับมาตรฐานญี่ปุ่น (เช่น JAS หรือใบตรวจจากหน่วยงานที่รับรอง GMP/HACCP)

หลายธุรกิจส่งของล็อตใหญ่ไปแล้ว แต่ติดที่ด่านหลายสัปดาห์เพราะมองข้ามเรื่องนี้ไป ทำให้เกิดความเสียหายได้

3.เลือกขนส่งแบบไหน ขึ้นอยู่กับมูลค่าเฉลี่ยต่อออเดอร์

ไม่ใช่ทุกเคสจะคุ้มกับการใช้บริการด่วน (Express) หรือส่งทางเรือ (Sea Freight) ถ้าสินค้ามีมูลค่าต่อชิ้นสูง เช่น เครื่องประดับ สกินแคร์ การส่งผ่าน EMS หรือขนส่งด่วนแบบมี tracking ชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยงการสูญหาย และสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า

ถ้าเป็นสินค้าน้ำหนักมาก แต่ราคาต่อหน่วยต่ำ เช่น เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน ควรเลือกส่งแบบ consolidation หรือรวมหลายออเดอร์ส่งพร้อมกันทางเรือ หรือใช้บริการ Freight Forwarder เพื่อกระจายต้นทุน

การรู้ว่าลูกค้าของเราคาดหวังอะไร และราคาขายเฉลี่ยอยู่ในระดับไหน จะช่วยเลือกวิธีส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นได้แม่นยำและมีกำไรมากกว่า

4.อย่ามองข้ามโลจิสติกส์ขากลับ

หลายคนวางแผนส่งของขาไปเต็มที่ แต่ลืมว่าบางกรณีอาจมีสินค้าถูกตีกลับ เช่น ลูกค้าปฏิเสธรับของ เอกสารไม่ผ่าน สินค้าเสียหายระหว่างทาง

การเลือกพาร์ทเนอร์ส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นที่มีระบบบริหารจัดการสินค้าตีกลับ หรือคืนภาษี VAT อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยป้องกันต้นทุนจมและลดความเสียหายในระยะยาว

การส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นไม่ใช่แค่ “ขนส่ง” แต่คือการวางแผนด้านต้นทุน เอกสาร และพฤติกรรมผู้บริโภคญี่ปุ่นในแต่ละพื้นที่ การเข้าใจสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ต้น จะช่วยให้การส่งออกไม่กลายเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่ซ่อนอยู่ในกล่องพัสดุ

หากต้องการเจาะตลาดญี่ปุ่นในระยะยาว ควรมองการขนส่งเป็น “กลยุทธ์” ไม่ใช่แค่ “ค่าใช้จ่าย” เท่านั้น

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *