เรื่องน้ำหอมต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทั้งสาวหนุ่มต่างพากันประสบพบเจอมาแล้วจริงมั้ยละคะ แล้วรู้รึป่าว ว่าน้ำหอมเป็นยังไง การแบ่งชนิดหรือประเภทของน้ำหอมสามารถใช้เกณฑ์แบ่งได้ 2 แนว คือการแบ่งน้ไหอมด้วยการพิจารณาลักษณะสูตรส่วนผสม และการแบ่งน้ำหอมตามรดับความเข้มข้น
การแบ่งน้ำหอมตามลักษณะสูตร ส่วนผสมจะแบ่งได้ดังนี้
- น้ำหอมประเภทที่มีแอลกอฮอล์ เป็นน้ำหอมที่คุณจะพบได้มากที่สุด น้ำหอมประเภทนี้จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่ออำนวยให้ได้ปริมาณสัดส่วนพอเหมาะ น้ไหอมจะระเหยได้อย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้ซึ่งกลิ่นหอมตราตรึงซึ้งใจ แต่น้ำหอมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นี้มีข้อเสียคือส่วนผสมอัลกอฮอล์อาจก่อให่เกิดการระคายเคือง และใจกรณีที่ผู้ใช้มีผิวละเอียดอ่อน (sensitive skin) ก็จะแพ้น้ำไหอมได้ง่าย
- น้ำหอมประเภท alcohol-free (ปราศจากแอลกอฮอล์) นั้นมีข้อดีคือ เป็นน้ำหอมที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เป็นส่วนผสมที่อยู๋กึ่งกลางระหว่าง Eau de Toilette และ Body tonic ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผวที่มีความละเอียดอ่อน ซึ่งในทางกลับกันนี้ก็ส่งผลให้เกิดข้อด้อยตรงที่กลิ่นหอมจะขาดชีวิตชีวา เพราะเมื่อต้รกำเนิดกลิ่นละลายตัวผสมกับน้ำจะส่งผลให้แนวกลิ่นไม่คงประสิทธิภาพเท่ากับน้ำหอมที่มตัวละลายหลักเป็แอลกอฮอล์ และอาจให้ความรู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อยแก่ผิวกายเมื่อส่วนผสมหลักที่เป้นน้ำระเหยไป นี่เป็นผลสืบเนื่องมาจากส่วนผสมที่เป็นตัวทำละลาย ซึ่งเป็นส่วนผสมจำเป็นในกรณีไม่มีแอลกอฮอล์
- น้ำหอมประเภท dry oils (น้ำมันระเหย) นั้นปราศจากแอลกอฮอล์ และส่งผลในการปรนิบัติบำรุงผิว เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง แต่อย่างไรเสีย น้ำหอมประเภทนี้จะฉีดพรมสเปรย์ได้ไม่ดีนัก ทั้งยังมีน้ำมันเกาะตัวบางๆ บนผิว ซึ่งแม้จะบางเบาแต่ก็สามารถอุดตันรูขุมขนและ เหนอะหนะ ทำให้กลายเป็นน้ำหอมอันไม่พีงประสงค์ในสภาพอากาศร้อน และอบอ้าวแบบเมืองไทย
- น้ำหอมประเภท perfume compact และแบบ stick น้ำหอมแบบ compact นี้ เล่าขานกันว่ามีมาแต่โบราณโน่น หน้าตาก้เป้นผลึกแน่นเหมือนแป้งตลับ หรือรองพื้นประเภท compact เวลาใช้ก็แค่แตะปลายนิ้วเกลี่ยลงไปบนแป้งน้ำหอมเบาๆ แล้วทาลงตรงจุดชีพจร ปัจจุบันก็มีคนหวนไห้หากรรมวิธีแบบนี้ เลยนำมาใช้ผลิตน้ำหอมบ้าง หากมักผลิตออกมาเป้นประเภท ผลิตภัณฑ์มีจำนวนจำกัด (limited edition) คือ หมดแล้วหมดเลย สำหรับน้ำหอมแบบแท่งจะมีหน้าตาคล้ายลิปติกโดยที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ส่วนมากมักใช้สูตรส่วนผสมเนื้อเจลแข็ง ในกรณีที่ว่าน้ำหอมแบบ compact นั้น นิ้วคุณอาจสกปรก ไม่ได้ล้างนิ้ว ก็ใช้แบบแท่งนี่แหละ หมุนๆออกมาจากปลอก แล้วทาตัวได้เลยสเมือนเป็น deodorant กลายๆ
การแบ่งน้ำหอมตามระดับความเข้มข้น
น้ำหอมได้รับการออกแบบด้านความเข้มข้นให้ระดับต่างกัน โดยทั่วไปจะแบ่งน้ำหอมได้ 4 ระดับ คือ
- Perfume มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 96 ดีกรี หมายถึงมีปริมาณแอลกอฮอล์ 70-80% ฉะนั้นจะมีน้ำหอมบริสุทธิอยู่ประมาณ 15-40% ซึ่งปริมาณ 20% จะระเหยไปอีก 30% และที่เหลือ 50% ของปริมาณน้ำหอมทั้งหมดจะติดตัวคุณไปตลอดทั้งวัน
- Eau de Perfume มีความเข้ม 85 ดีกรี หมายถึงมีปริมาณแอลกอฮอล์ 80-85% ฉะนั้นก็จะมีน้ำหอมบริสุทธิ์อยู่ประมาณ 7-14% ซึ่งมีปริมาณ 40% จะระเหยไปภายใน 15 นาที พอผ่านไปอีก 45 นาที ก็จะระเหยไปอีก 30% เหลือให้อวลไอติดผิวกายไปตลอดวัน 30%
- Eau de Tiolette มีความเข้มข้น 85 ดีกรี แต่มีปริมาณน้ำหอมบริสุทธิ์น้อยกว่า eau de perfume ทำให้มีกลิ่นอ่อนกว่า เบาบางกว่า นั่นคือ 3-10% ซึ่ง 50% จะระเหยไปภายใน 15 นาที จากนั้นอีก 45 นาทีก็จะระเหยไปอีก 30% และจะเหลือตราตรึงซึ้งอารมณ์ไปตลอดวัน 20%
- Eau de Cologne และ Eau Fraiche มีอัตราส่วนผสมคล้ายคลึงกัน คือความเข้มข้นประมาณ 80 ดีกรี หมายถึงปริมาณแอลกอฮอล์ 60-75% มีน้ำหอมบริสุทธิ์อยู่ราวๆ 3-7% ภายใน 15 นาที แรกจะระเหยไป 60% และอีก 45 นาที ปริมาณ 40% ที่เหลือก็จะระเหยไป
ที่มา : เจิดจรัส. 2544. น้ำหอมเพื่อเรื่อนกายหอมกรุ่น. น้ำฝน. กรุงเทพฯ