การแบ่งประเภทของน้ำหอม

เรื่องน้ำหอมต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทั้งสาวหนุ่มต่างพากันประสบพบเจอมาแล้วจริงมั้ยละคะ แล้วรู้รึป่าว ว่าน้ำหอมเป็นยังไง การแบ่งชนิดหรือประเภทของน้ำหอมสามารถใช้เกณฑ์แบ่งได้ 2 แนว คือการแบ่งน้ไหอมด้วยการพิจารณาลักษณะสูตรส่วนผสม และการแบ่งน้ำหอมตามรดับความเข้มข้น

การแบ่งน้ำหอมตามลักษณะสูตร ส่วนผสมจะแบ่งได้ดังนี้

  1. น้ำหอมประเภทที่มีแอลกอฮอล์ เป็นน้ำหอมที่คุณจะพบได้มากที่สุด น้ำหอมประเภทนี้จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่ออำนวยให้ได้ปริมาณสัดส่วนพอเหมาะ น้ไหอมจะระเหยได้อย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้ซึ่งกลิ่นหอมตราตรึงซึ้งใจ แต่น้ำหอมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นี้มีข้อเสียคือส่วนผสมอัลกอฮอล์อาจก่อให่เกิดการระคายเคือง และใจกรณีที่ผู้ใช้มีผิวละเอียดอ่อน (sensitive skin) ก็จะแพ้น้ำไหอมได้ง่าย
  2. น้ำหอมประเภท alcohol-free (ปราศจากแอลกอฮอล์) นั้นมีข้อดีคือ เป็นน้ำหอมที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เป็นส่วนผสมที่อยู๋กึ่งกลางระหว่าง Eau de Toilette และ Body tonic ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผวที่มีความละเอียดอ่อน ซึ่งในทางกลับกันนี้ก็ส่งผลให้เกิดข้อด้อยตรงที่กลิ่นหอมจะขาดชีวิตชีวา เพราะเมื่อต้รกำเนิดกลิ่นละลายตัวผสมกับน้ำจะส่งผลให้แนวกลิ่นไม่คงประสิทธิภาพเท่ากับน้ำหอมที่มตัวละลายหลักเป็แอลกอฮอล์ และอาจให้ความรู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อยแก่ผิวกายเมื่อส่วนผสมหลักที่เป้นน้ำระเหยไป นี่เป็นผลสืบเนื่องมาจากส่วนผสมที่เป็นตัวทำละลาย ซึ่งเป็นส่วนผสมจำเป็นในกรณีไม่มีแอลกอฮอล์
  3. น้ำหอมประเภท dry oils (น้ำมันระเหย) นั้นปราศจากแอลกอฮอล์ และส่งผลในการปรนิบัติบำรุงผิว เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง แต่อย่างไรเสีย น้ำหอมประเภทนี้จะฉีดพรมสเปรย์ได้ไม่ดีนัก ทั้งยังมีน้ำมันเกาะตัวบางๆ บนผิว ซึ่งแม้จะบางเบาแต่ก็สามารถอุดตันรูขุมขนและ เหนอะหนะ ทำให้กลายเป็นน้ำหอมอันไม่พีงประสงค์ในสภาพอากาศร้อน และอบอ้าวแบบเมืองไทย
  4. น้ำหอมประเภท perfume compact และแบบ stick น้ำหอมแบบ compact นี้ เล่าขานกันว่ามีมาแต่โบราณโน่น หน้าตาก้เป้นผลึกแน่นเหมือนแป้งตลับ หรือรองพื้นประเภท compact เวลาใช้ก็แค่แตะปลายนิ้วเกลี่ยลงไปบนแป้งน้ำหอมเบาๆ แล้วทาลงตรงจุดชีพจร ปัจจุบันก็มีคนหวนไห้หากรรมวิธีแบบนี้ เลยนำมาใช้ผลิตน้ำหอมบ้าง หากมักผลิตออกมาเป้นประเภท ผลิตภัณฑ์มีจำนวนจำกัด (limited edition) คือ หมดแล้วหมดเลย สำหรับน้ำหอมแบบแท่งจะมีหน้าตาคล้ายลิปติกโดยที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ส่วนมากมักใช้สูตรส่วนผสมเนื้อเจลแข็ง ในกรณีที่ว่าน้ำหอมแบบ compact นั้น นิ้วคุณอาจสกปรก ไม่ได้ล้างนิ้ว ก็ใช้แบบแท่งนี่แหละ หมุนๆออกมาจากปลอก แล้วทาตัวได้เลยสเมือนเป็น deodorant กลายๆ

 

การแบ่งน้ำหอมตามระดับความเข้มข้น

น้ำหอมได้รับการออกแบบด้านความเข้มข้นให้ระดับต่างกัน โดยทั่วไปจะแบ่งน้ำหอมได้ 4 ระดับ คือ

  1. Perfume มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 96 ดีกรี หมายถึงมีปริมาณแอลกอฮอล์  70-80% ฉะนั้นจะมีน้ำหอมบริสุทธิอยู่ประมาณ 15-40% ซึ่งปริมาณ 20% จะระเหยไปอีก 30% และที่เหลือ 50% ของปริมาณน้ำหอมทั้งหมดจะติดตัวคุณไปตลอดทั้งวัน
  2. Eau de Perfume มีความเข้ม 85 ดีกรี หมายถึงมีปริมาณแอลกอฮอล์ 80-85% ฉะนั้นก็จะมีน้ำหอมบริสุทธิ์อยู่ประมาณ 7-14% ซึ่งมีปริมาณ 40% จะระเหยไปภายใน 15 นาที พอผ่านไปอีก 45 นาที ก็จะระเหยไปอีก 30% เหลือให้อวลไอติดผิวกายไปตลอดวัน 30%
  3. Eau de Tiolette มีความเข้มข้น 85 ดีกรี แต่มีปริมาณน้ำหอมบริสุทธิ์น้อยกว่า eau de perfume ทำให้มีกลิ่นอ่อนกว่า เบาบางกว่า นั่นคือ 3-10% ซึ่ง 50% จะระเหยไปภายใน 15 นาที จากนั้นอีก 45 นาทีก็จะระเหยไปอีก 30% และจะเหลือตราตรึงซึ้งอารมณ์ไปตลอดวัน  20%
  4. Eau de Cologne และ Eau Fraiche มีอัตราส่วนผสมคล้ายคลึงกัน คือความเข้มข้นประมาณ 80 ดีกรี หมายถึงปริมาณแอลกอฮอล์ 60-75% มีน้ำหอมบริสุทธิ์อยู่ราวๆ 3-7% ภายใน 15 นาที แรกจะระเหยไป 60% และอีก 45 นาที ปริมาณ 40% ที่เหลือก็จะระเหยไป




    ที่มา : เจิดจรัส. 2544. น้ำหอมเพื่อเรื่อนกายหอมกรุ่น. น้ำฝน. กรุงเทพฯ

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *