มาเป็นเพื่อนกันกับอีสานเดฟ
เรารับทำและออกแบบเว็บไซต์ สำหรับธุรกิจทุกประเภท ปรึกษาฟรี !
ลงทุนคอนโดมิเนียมในกทม. เปลี่ยนทำเล มีโอกาสได้รีเทิร์นดีกว่า
ในวันที่คอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานครราคาพุ่งทะลุเพดาน นักลงทุนหลายคนยังมองหาโครงการตามแนว BTS หรือ MRT สายหลักโดยคิดว่า “ใกล้รถไฟฟ้า = ปล่อยเช่าง่าย ขายต่อไว”
ในวันที่คอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานครราคาพุ่งทะลุเพดาน นักลงทุนหลายคนยังมองหาโครงการตามแนว BTS หรือ MRT สายหลักโดยคิดว่า “ใกล้รถไฟฟ้า = ปล่อยเช่าง่าย ขายต่อไว”
แต่ความจริงที่คนไม่ค่อยพูดถึงคือ… ยิ่งโครงการ Hot ยิ่งแข่งกันขาย-แข่งกันเช่า จนรีเทิร์นต่ำกว่าที่คาด กลยุทธ์ใหม่ที่มือโปรเริ่มมองหาคือ “มุมเมืองที่ไม่ใช่ศูนย์กลาง” แต่กลับให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลกว่า ทั้งราคาซื้อที่ยังไม่บิดเบี้ยว และโอกาสเติบโตในอนาคต
1.จุดเปลี่ยนอยู่ที่ “ศูนย์กลางใหม่” ไม่ใช่ CBD เก่า
สมัยก่อนการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครมักจะวนอยู่แถวอโศก สีลม สาทร แต่วันนี้ศูนย์กลางเศรษฐกิจและชุมชนเริ่มขยับออกนอกวงแหวน
ย่านอย่างพระราม 9, บางนา, แจ้งวัฒนะ หรือรามคำแหงตอนต้น กลายเป็นพื้นที่ที่ราคาต่อตารางเมตรยังจับต้องได้ และมีแผนพัฒนาเมืองรองรับในอีก 5-10 ปี การลงทุนในคอนโดกรุงเทพฯ จึงไม่จำเป็นต้อง “ใจกลาง” เสมอไป แต่ควรอยู่ในแนวโน้มของ “การขยายเมือง” แทน
2.มุมเมืองเงียบ ๆ แต่ปล่อยเช่าง่ายกว่าที่คิด
คนเช่าสมัยนี้ไม่ได้อยากอยู่คอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานครเสมอไป หลายคนต้องการพื้นที่เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว และราคาค่าเช่าที่ไม่โหดจนเกินไป คอนโดทำเลลาดพร้าวตอนปลาย, บางเขน, รัชดา-ห้วยขวางฝั่งลึก, หรือแม้แต่จรัญสนิทวงศ์ สามารถปล่อยเช่าได้รวดเร็วโดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานหรือครอบครัวเล็กที่ไม่เน้นหรูแต่ขอเดินทางสะดวก
3.ราคาซื้อต่ำ = โอกาสทำกำไรมากกว่า
สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ ราคาต้นทุนในการเข้าซื้อ หากคุณซื้อคอนโดที่แพงเกินไปตั้งแต่แรก ต่อให้ปล่อยเช่าได้คืนละหมื่นก็ต้องใช้เวลาเกือบ 15-20 ปีถึงจะคืนทุน
แต่หากคุณเลือกซื้อคอนโดมิเนียมในย่านที่ราคายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เช่น 60,000–70,000 บาทต่อตารางเมตร (ในขณะที่ CBD ทะลุ 150,000 ไปแล้ว) ช่องว่างในการทำกำไรจากการขายต่อหรือปล่อยเช่าจึงชัดเจนและมีความเป็นไปได้จริง กลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลคือ ซื้อคอนโดที่ยังไม่ถูกมองว่า “ชิค” ในวันนี้ แต่มีศักยภาพจะเป็นในอีก 3 ปีข้างหน้า
4.เลือกโครงการเล็กที่คนไม่มอง แต่บริหารง่าย
โครงการขนาดเล็กหรือจำนวนยูนิตน้อย มักถูกมองข้ามเพราะไม่หรู ไม่เด่น และไม่มี Facilities มากมาย แต่นั่นคือข้อดีสำหรับนักลงทุน เพราะค่าใช้จ่ายส่วนกลางน้อย ปล่อยเช่าไม่แข่งกับร้อยยูนิตในตึกเดียวกัน และที่สำคัญคือ โอกาสต่อรองราคากับเจ้าของเดิมมักสูงกว่าโครงการใหญ่ๆ
5.อย่ามองแค่ราคาตลาดวันนี้ แต่ให้ดู “ทิศทาง” ของเมือง
การซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครเพื่อการลงทุน ต้องพิจารณามากกว่าตัวเลขเฉลี่ยต่อตารางเมตรในปัจจุบัน แต่ควรมอง “ทิศทาง” ว่าโซนนั้นกำลังไปทางไหน ย่านไหนมีสถานีใหม่กำลังเปิด หรือทำเลไหนมีกลุ่มพนักงานรุ่นใหม่ย้ายเข้ามาอยู่มากขึ้น เมื่อคุณเห็นภาพก่อนคนอื่น คุณจะเลือกซื้อได้ก่อนราคาจะถูกปรับ และขายออกก่อนที่คู่แข่งจะลงสนามเต็ม
การลงทุนคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการซื้อในทำเลที่แพงที่สุดหรือเป็นที่นิยมที่สุดเสมอไป แต่คือการเลือกมุมที่ถูกมองข้าม ทุนต่ำ มีทิศทางการเติบโต และตอบโจทย์กลุ่มผู้เช่าหรือผู้ซื้อที่แท้จริง
เพราะในยุคที่ข้อมูลท่วมตลาด คนที่ชนะคือคนที่ กล้ามองสวนกระแส แล้วเข้าให้ถูกจังหวะก่อนที่ตลาดจะรู้ตัว