มาเป็นเพื่อนกันกับอีสานเดฟ
เรารับทำและออกแบบเว็บไซต์ สำหรับธุรกิจทุกประเภท ปรึกษาฟรี !
“ติ่งเนื้อ” อาการแรกเริ่มของมะเร็งลำไส้ใหญ่
ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ ที่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษา อาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ติ่งเนื้อ อาจเป็นส่วนเกินที่เกิดขึ้นตามร่างกายภายนอกได้โดยไม่มีอันตราย แต่หากเกิดขึ้นกับอวัยวะที่อยู่ภายในร่างกายและไม่สามารถมองเห็นได้อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพได้ อย่างเช่น ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ ที่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษา อาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่คืออะไร?
ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ (Polyp) คือความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการเจริญเติบโตของก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังลำไส้ใหญ่ โดยการเจริญเติบโตของก้อนเนื้อนั้นเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารที่มีความมันสูงเป็นเวลานาน ทำให้ก้อนเนื้อถูกกระตุ้นด้วยสารพิษในอาหาร บางคนอาจมีติ่งเนื้อเกิดขึ้นจากสารพันธุกรรมที่มีการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ ทำให้เกิดติ่งเนื้อยื่นออกจากผนังลำไส้ โดยติ่งเนื้อแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดมีก้าน (Pedunculated type) และชนิดไม่มีก้าน (Sessile type)
เมื่อเกิดติ่งเนื้องอกขนาดเล็ก หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดการกลายพันธุ์และแบ่งตัวจนก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ ซึ่งการที่ขนาดของก้อนเนื้อใหญ่ขึ้นก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการกลายเป็นมะเร็งสูงขึ้นด้วย โดยขนาดของติ่งเนื้อชนิดมีก้าน 1 เซนติเมตร อาจใช้เวลาประมาณ 10 ปี ก่อนจะพัฒนากลายเป็นมะเร็ง ดังนั้น การตรวจพบตั้งแต่ก้อนเนื้อมีขนาดเล็กแล้วทำการตัดออก จึงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงของการกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
สาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่
ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะพบได้ในกลุ่มคนที่มีอายุมาก และมีพฤติกรรมที่เกี่ยวกับการรับประทานอาหารซ้ำ ๆ ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ จะมีความเสี่ยงสูง
- การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดติ่งเนื้อและมะเร็ง
- ผู้ที่มีภาวะอ้วนมักมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงของติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและมีกากใยน้อย อาจเพิ่มความเสี่ยงได้
อาการของติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ที่ควรระวัง
ในระยะเริ่มแรกของผู้ที่มีติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่อาจไม่มีอาการแสดงให้เห็นได้ชัดเจน แต่หากติ่งเนื้อมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมักจะแสดงอาการ ดังนี้
- มีเลือดปนอุจจาระ หรือมีเลือดออกหลังการขับถ่าย
- มีอาการท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องผูกสลับท้องเสีย
- อุจจาระมีขนาดเล็กและลีบผิดปกติ
- ปวดท้องบีบเกร็ง
- รู้สึกอึดอัดและมีอาการแน่นท้อง ไม่สามารถผายลมได้
- อาจมีน้ำหนักลดลงโดยไม่มีสาเหตุ
- อาจรู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
วิธีการตรวจวินิจฉัย ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่
ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่โดยทั่วไปไม่แสดงอาการในระยะแรก การตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์จะช่วยให้ทราบได้ว่ามีติ่งเนื้อในลำไส้อยู่หรือไม่ ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) : เป็นวิธีตรวจวินิจฉัยติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ที่มีความแม่นยำที่สุด โดยใช้การส่องกล้องขนาดเล็กผ่านทางทวารหนัก เพื่อดูความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ และหากพบติ่งเนื้อก็สามารถตัดออกมาตรวจเพิ่มเติมได้ทันที
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Colonography) : เป็นวิธีการตรวจแบบคัดกรองโรคที่สามารถดูความผิดปกติได้ทั้งภายในและภายนอกลำไส้ รวมถึงอวัยวะในช่องท้องทั้งหมด วิธีนี้จะใช้เทคโนโลยีในการสร้างภาพเสมือนจริงแบบ 3 มิติ เพื่อให้แพทย์ทำการวิเคราะห์ได้โดยไม่ต้องส่องกล้องผ่านทางทวารหนัก
การเตรียมตัวก่อนส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
ก่อนเข้ารับการตรวจติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ด้วยวิธีส่องกล้อง คนไข้จะต้องปรับชนิดของอาหารเป็นอาหารเหลวใส ย่อยง่าย โดยแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานผัก ผลไม้ ก่อนส่องกล้องอย่างน้อย 1 วัน และต้องรับประทานยาระบายชนิดพิเศษเพื่อเป็นการทำความสะอาดลำไส้ และช่วยให้การตรวจวินิจฉัยมีความแม่นยำมากขึ้น
ป้องกันติ่งเนื้อและมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างไร?
แม้ติ่งเนื้อในลำไส้อาจเป็นภาวะที่ไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการตรวจสุขภาพสำหรับกลุ่มเสี่ยง ดังนี้
- การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้สำหรับกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ลดอาหารไขมัน และเนื้อแดง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพประจำปี
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?
การพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยทราบว่ามีติ่งเนื้องอกในลำไส้อยู่หรือไม่ ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรพบแพทย์ทันทีเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น มีเลือดออกหลังขับถ่าย หรือมีเลือดปะปนเมื่อขับถ่าย และมีความเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่าย ท้องผูกสลับกับอาการท้องเสีย รวมถึงลักษณะของอุจจาระที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรเพิ่มการตรวจส่องกล้องระบบทางเดินอาหารเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปี
สรุปติ่งเนื้อไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ป้องกันได้ก่อนสายเกินไป
ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในภาวะที่พบบ่อย และอาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่ การตรวจพบและรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ดังนั้น การตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปีและดูแลสุขภาพอยู่เสมอจึงมีความสำคัญที่ช่วยป้องกันการลุกลามของติ่งเนื้อที่อาจกลายเป็นโรคร้ายในอนาคตได้
สำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง หรือสังเกตเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับระบบขับถ่ายในช่วงที่ผ่านมา สามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่ MSC Healthcare เพื่อตรวจวินิจฉัยด้วยวิธี ส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง (Colonoscopy) ได้ทันที เพราะการตรวจวินิจฉัยโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่ MSC Healthcare เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน แม่นยำ พร้อมการติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยทุกคน