สวัสดีค่ะแม่แม่ กลับมาพบกันวันนี้แม่มีสาระความรู้เกี่ยวกับ ธาตุเหล็ก มาฝากกันค่ะ อย่างที่รู้กันดีว่า ธาตุเหล็กนั้นมีความจำเป็นมาก ๆ ต่อการพัฒนาทั้งร่างกายและสมองของลูกน้อยของเราเป็นอย่างมาก และธาตุเหล็กนั้นสามารถหาได้จากทั้งในพืชและสัตว์ที่เราสามารถทานได้ จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักกับธาตุเหล็กกันก่อนนะคะ
ธาตุเหล็ก (Iron) คืออะไร ?
ธาตุเหล็ก (Iron) คือแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย และช่วยในการผลิตฮอร์โมนบางชนิด ประโยชน์ของธาตุเหล็กนั้นมีมากมาย เช่น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยเรื่องการนอนหลับ และดีต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ธาตุเหล็กสามารถพบได้ทั่วไปในอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ถั่ว และผักใบเขียวเข้ม นอกจากนี้ เรายังสามารถเสริมธาตุเหล็กได้ในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก แต่ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันการรับประทานธาตุเหล็กในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
ประโยชน์ของธาตุเหล็กในเด็ก
ธาตุเหล็ก เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงในโลหิตเป็นตัวนำออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ไปสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกายธาตุเหล็กมีความสำคัญมากต่อพัฒนาการของร่างกายและสมอง ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา โดยเฉพาะในหนึ่งปีแรกของชีวิต หากมีการขาดธาตุเหล็กในช่วงนี้ จะทำให้มีผลเสียต่อการพัฒนาสมองในระยะยาวอย่างถาวร
มีการศึกษาทั่วโลกพบว่าการขาดธาตุเหล็กในวัยทารก จะมีปัญหาต่อสมองโดยเฉพาะด้านเชาว์ปัญญา สมาธิ และปฏิภาณไหวพริบ (Cognitive Function) ในกรณีที่มีการขาดธาตุเหล็กและได้รับการแก้ไข ก็อาจจะไม่สามารถทำให้สมองกลับมาเป็นปกติได้เหมือนคนที่ไม่เคยขาด โดยพบว่าเด็กอาจจะมีการสูญเสียศักยภาพด้านสติปัญญาไป ทำให้ IQ ต่ำลงอย่างถาวร
การขาดธาตุเหล็กยังทำให้มีภาวะโลหิตจาง ทำให้มีการเจริญเติบโตของร่างกายต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย อาจพบว่าเด็กมีความสูงน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ย การขาดโภชนาการที่ถูกต้องอาจทำให้ติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่าย
ทารกจะได้ธาตุเหล็กจากที่ไหนบ้าง
- ธาตุเหล็กที่สะสมอยู่ในตัวทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
โดยปกติทารกที่คลอดครบกำหนดน้ำหนักตัวปกติ จะมีธาตุเหล็กเพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองเพียง 4 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นทารกจำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กจากแหล่งอื่น
- ธาตุเหล็กที่ได้จากอาหาร
โดยที่น้ำนมแม่มีธาตุเหล็กอยู่น้อยเพียงพอสำหรับทารกจนอายุ 4 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นถ้ากินนมแม่อย่างเดียว Centers of Disease Control and Prevention (CDC) และ American Academy of Pediatrics (AAP) แนะนำว่าต้องได้รับธาตุเหล็กและวิตามิน D เสริมเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กขาดธาตุเหล็กและวิตามิน D
อาหารเสริมธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กสามารถพบได้ในทั้งพืชและสัตว์ โดยธาตุเหล็กที่พบในเนื้อสัตว์ ตับ เลือด ไก่ และอาหารทะเล (ร่างกายดูดซึมได้ 20-30%) นั้นดูดซึมได้ดีกว่าธาตุเหล็กที่อยู่ใน พืชผัก ธัญพืช ไข่แดง (ร่างกายดูดซึมได้ 3-5%)
แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่
- เนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ตับ เลือด เครื่องใน
- อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปลา
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม คะน้า ตำลึง ถั่วแขก
- อาหารอื่น ๆ เช่น ไข่แดง เต้าหู้ ธัญพืช งา ถั่วดำ นมเสริมธาตุเหล็ก
แหล่งอาหารที่มีธาตุ และปริมาณธาตุเหล็กในแต่ละชนิด
- แหล่งอาหารธาตุเหล็กจากพืช และปริมาณธาตุเหล็ก
- แหล่งอาหารธาตุเหล็กจากสัตว์ และปริมาณธาตุเหล็ก
รวมผลไม้ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก
การป้องกันการขาดธาตุเหล็กในทารก
- ทารกที่ดื่มนมแม่อย่างเดียวในช่วง 4 เดือนแรก จึงจำเป็นต้องเสริมธาตุเหล็ก โดยอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น เช่น น้ำซุปที่ทำจากเนื้อสัตว์ ตับ หรือผักใบเขียว
- ให้ทานวิตามินที่มีธาตุเหล็ก
- การดื่มนมผงที่มีธาตุเหล็กผสม (fortified milk)
- ให้คำแนะนำเรื่องอาหาร ในกรณีที่ดื่มนมถั่ว เนื่องจากนมถั่วมี Phytate มากเกินไปจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กในทารก
- การดื่มนมกล่องที่เป็นนมวัวแท้ๆ (UHT) มีธาตุเหล็กน้อย และไม่เหมาะสมสำหรับเด็กที่ต้องการธาตุเหล็ก
ขอบคุณข้อมูล : นพ.วีระกิจ หิรัญวิวัฒน์กุล ศูนย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลนนทเวช , Bangpakok Hospital , สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ขอบคุณภาพประกอบ : IBABY SHOP เครื่องนึ่งปั่นอาหารสำหรับทารก