บุหรี่ไฟฟ้ากับกระแสนิยมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างล้นหลามในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสิงห์อมควันรุ่นเก่าเก๋าที่สูบบุหรี่มาอย่างยาวนาน หรือจะเป็นบรรดาวัยรุ่นที่กำลังเข้าสู่วัยอยากรู้อยากลอง ก็ล้วนแล้วแต่ให้ความสนใจและพากันไปลิ้มลองรสควันของเจ้าบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น ขนาดที่คนบางกลุ่มมองว่าอาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการสูบบุหรี่อย่างปลอดภัย หรือถึงขนาดเชื่อกันว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยเลิกบุหรี่ได้เลยทีเดียว
เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าได้รับความสนใจมาก จึงทำให้เกิดการถกเถียงกันในหลายๆ มิติ ว่า “บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหมนะ?” แล้ว “อันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง?” วันนี้เราจะมาขอหยิบยกประเด็นต่างๆ มานำเสนอเพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้ลองพิจารณากันว่าแท้จริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหม และอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าที่เราควรรู้มีอะไรบ้าง?
ทำความรู้จักกับ “บุหรี่ไฟฟ้า”
บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร ? บุหรี่ไฟฟ้า (E-cigarette) คือบุหรี่ที่ ใช้แบตเตอรี่และกลไกไฟฟ้าในการทำให้เกิดความร้อนและทำให้น้ำยาที่บรรจุอยู่ในแท่งบุหรี่ระเหยกลายเป็นควัน ดังนั้นควันที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ใช่ควันจากการเผาไหม้เหมือนกับบุหรี่มวนทั่วไป ทำให้อันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าอาจไม่มากเท่าบุหรี่มวน
โดยที่ภายในแท่งบรรจุน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้าจะมีส่วนผสมของสารต่างๆ รวมไปถึงสารนิโคติน (Nicotine) อยู่ด้วย แต่มีอยู่ในปริมาณที่น้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ บุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้แล้วทิ้ง (Disposable E-cigarettes) และ บุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติมน้ำยา (Refillable E-cigarette) ซึ่งสมัยนี้หลายคนนิยมเรียกกันติดปากว่า พอต(Pod) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้าแบบเติมน้ำยาชนิดหนึ่ง
บุหรี่ไฟฟ้าประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ แบตเตอรี่ (Battery) สิ่งที่ทำให้เกิดไอและความร้อน (Atomizer) และตลับเก็บน้ำยา (Cartridge) ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าคงจะทำงานไม่ได้หากไม่มีน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า (E-Liquid หรือ E-Juice) น้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้ามักจะมีสารประกอบที่แตกต่างกันตามแต่ผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าว่าต้องการแต่งสีและกลิ่นให้ออกมาประมาณไหน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดเหล่าบรรดานักสูบให้มาลิ้มลองรสควันใหม่ๆ กัน
ในปัจจุบันนี้ประเด็นของบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าน้ำยาในบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหม และแม้สารเหล่านี้จะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแล้วว่าสามารถใช้ในการประกอบอาหารและยา (FDA) ได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้มีการรับรองว่าหากเปลี่ยนรูปแบบเป็นการสูดดมหรือสูบเข้าไปในร่างกายแล้วจะส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย แล้วสรุปว่า “บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหมนะ ?”
พอตอันตรายไหม ปลอดภัยกับร่างกายของเราหรือเปล่า
หลังจากทำความรู้จักกับบุหรี่ไฟฟ้าหรือพอตกันไปแล้วในเบื้องต้น เหล่านักสูบมือใหม่อาจเกิดข้อสงสัยถัดมาว่า สรุปแล้วพอตอันตรายไหม หรือส่งผลเสียต่อร่างกายของเราอย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้องสงสัยเรื่องนี้กัน
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น พอตหรือบุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่มีควันจากการเผาไหม้ที่เหมือนกับบุหรี่มวนทั่วไป ทำให้อันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าอาจมีน้อยกว่าบุหรี่มวน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าไม่ก่อให้เกิดสารประกอบอันตรายบางชนิดที่จะถูกพ่นออกมาพร้อมควันจากการเผาไหม้เช่น น้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หลายคนจึงลงความเห็นว่า บุหรี่ไฟฟ้านั้นปลอดภัยต่อทั้งผู้สูบ คนรอบข้าง และยังเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้คนเลิกบุหรี่ได้อีกด้วย
นอกจากนิโคตินที่เป็นสารประกอบหลักแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าคงจะทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร หากขาดน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมักจะประกอบไปด้วยสารประกอบอื่นๆ เช่น โพรไพลีนไกลคอล (Propylene Glycol) เป็นสารสัที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ดวงตาและปอดได้เมื่อสัมผัสหรือสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก รวมไปถึงกลีเซอรีน (Glycerine) และสารแต่งกลิ่นและรส (Flavoring) ซึ่งสารประกอบทั้ง 3 ชนิด เป็นสารสังเคราะห์ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากองค์การอาหารและยา (FDA) ว่าเมื่อสูบหรือสูดดมเข้าสู่ร่างกายนั้นจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกายบ้าง ดังนั้นคงยังไม่สามารถกล่าวอย่างเต็มปากเต็มคำได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความปลอดภัย 100% ทั้งต่อผู้สูดและผู้สูบ คำถามต่อมาคือปลอดภัยกว่าบุหรี่มวนจริงหรือเปล่า
บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหม ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวนจริงหรือ
หากมองในแง่ความปลอดภัยจากอันตรายของสารพิษก็อาจมองได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าจริง เนื่องจากกลไกการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้ามีลักษณะการเผาไหม้ที่ไม่เหมือนกับบุหรี่มวน ทำให้ผู้สูบไม่ได้รับอันตรายน้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และนอกจากสารนิโคตินแล้ว ยังมีสารอื่นๆ ที่ถูกบรรจุอยู่ในบุหรี่มวนมากถึง 7,357 ชนิด ซึ่งจากสารทั้งหมดนั้น จะมีสารอย่างน้อย 70 ชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งได้
ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่มีข้อมูลวิจัยออกมาว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายมาหรือน้อยกว่าบุหรี่มวนเพียงใด แต่บุหรี่ก็ยังคงเป็นบุหรี่ แม้ว่าสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าในปริมาณที่น้อยกว่าบุหรี่มวน แต่หากสูบหรือสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก ก็ยังเป็นอันตรายต่อร่างกายอยู่ดี นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่บ่งบอกว่าไอควันที่ได้จากบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีอนุภาคเล็กกว่าควันจากการเผาไหม้ของบุหรี่มวน ซึ่งอาจทำให้สูดดมเข้าสู่ปอดในส่วนที่ลึกกว่า และทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วกว่า แล้วถ้าหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนบุหรี่ธรรมดา จะช่วยในการเลิกบุหรี่ได้หรือไม่?
การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเป็นตัวช่วยในการเลิกบุหรี่เป็นทางเลือกที่ดีหรืออาจทำให้แย่ลง
ในปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าหลายรายมักเคลมว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนในการช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่ธรรมดาเพื่อสร้างจุดขายให้กับบรรดาผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่อย่างถาวร จึงยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหม เนื่องจากในบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีใบยาสูบและไม่มีการเผาไหม้แบบบุหรี่มวน และสามารถ ใช้ทดแทนการเลิกสูบบุหรี่ธรรมดาได้ แต่ก็มีงานวิจัยจำนวนมากที่ระบุว่านอกจากบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ได้ช่วยทำให้เลิกบุหรี่ได้แล้ว ยังช่วยทำให้อัตราการสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้นไปอีกส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะสารนิโคตินที่เป็นส่วนประกอบหลักที่ทำให้เกิดการเสพติดหนักขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นอาจจะเป็นความจริงอยู่ที่บุหรี่ไฟฟ้าอาจมีส่วนช่วยเลิกบุหรี่ได้จริง แต่กลายเป็นว่าอาจจะทำให้เราหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานทางการวิจัยที่สรุปอย่างชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหม ช่วยเลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่ คงจะต้องเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องที่จะต้องติดตามศึกษากันต่อไป
ถ้าอยากสูบบุหรี่ไฟฟ้าโทษต่อร่างกายที่เราควรรู้มีอะไรบ้าง?
จริงอยู่ที่บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษที่ทำอันตรายต่อร่างกายน้อยกว่าบุหรี่มวน แต่ขึ้นชื่อว่าบุหรี่แล้ว นิโคตินก็ยังคงเป็นสารประกอบหลักที่ถูกบรรจุอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งตามกฎหมายสารนิโคตินเป็นสารเคมีให้โทษที่ส่งผลต่อสมองและระบบประสาท และมีฤทธิ์ในทางการเสพติด เนื่องจากเมื่อร่างกายได้รับสารนิโคตินเข้าไปแล้ว จะไปทำปฎิกิริยากับต่อมหมวกไตให้หลั่งสารเอพิเนฟรีนออกมา ทำให้ร่างกายต้องการนิโคตินเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้ติดสารนิโคตินในที่สุด
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบอื่นๆ ต่อร่างกาย เช่น มีฤทธิ์ไปกระตุ้นหัวใจทำให้อัตราการทำงานของหัวใจเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวายได้ มีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดหดตัวซึ่งส่งผลให้เกิดความดันในเลือดสูงขึ้นและอาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ รวมไปถึงปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ หายใจเร็ว เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด มีฤทธิ์ไปกระตุ้นสมองทำให้เกิดอาการมึนงง มีความผิดปกติทางอารมณ์ สมาธิและความคิด และสุดท้ายคือส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ลดลงอันเนื่องมาจากการสูบบุหรี่เป็นเวลานาน เป็นต้น
นอกจากอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสาเหตุจากนิโคตินที่เป็นสารประกอบหลักภายในบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ในน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice ยังพบสารไนโตรซามีน (Nitrosamines) สารป้องกันการจับแข็ง (antifreeze) และสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง และก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ปากแห้ง ระคายเคืองในลำคอ ไอแห้ง ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบบุหรี่ไฟฟ้าให้มีกลิ่นและรสชาติแตกต่างกันในแต่ละผู้ผลิต สารเคมีที่ผสมลงไปแตกต่างกันอาจเพิ่มโอกาสของการเกิดมะเร็งได้อย่างมาก สำหรับคนที่สงสัยว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหม การรู้จักโทษของบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เราได้ข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้น
ทางเลือกอื่นในการช่วยเลิกบุหรี่
การเลิกบุหรี่ตามแนวทางเวชปฏิบัติในปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบหลักๆ คือ การรักษาโดยใช้สารนิโคตินทดแทน (nicotine replacement therapy) และการใช้ยากลุ่มที่ไม่มีส่วนผสมของสารนิโคติน (non-nicotine drugs) ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้ามักถูกอ้างว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สามารถบำบัดผู้สูบในลักษณะของการรักษาโดยการใช้สารนิโคตินทดแทน ซึ่งหากผู้ที่ยังไม่มีข้อมูลมากพอว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไหม และอันตรายจากบุหรี่มีอะไรบ้างอาจะหันไปเลือกบุหรี่ไฟฟ้าในการบำบัดเพื่อช่วยเลิกบุหรี่
แต่อีกวิธีที่ดีกว่าการบำบัดโดยใช้ยาคือการเลิกด้วยตนเองโดยใช้วิธีสร้างแรงจูงใจให้กับตนเองในการเลิกสูบบุหรี่ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแวดล้อมที่จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นในการอยากสูบบุหรี่ เช่น เน้นการออกกำลังกาย การทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายของตนเองและใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัวให้มากขึ้น
ทุกคนสามารถเลิกบุหรี่ได้หากมีกำลังใจที่เข้มแข็งและความเชื่อมั่นในตนเอง สำหรับผู้ที่อยากเลิกบุหรี่ สามารถโทรปรึกษาศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ (ศบช.) หรือสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600